หน้าหลักของ Center Application จะเป็นหน้าแรกที่ผู้ใช้งานเห็นเมื่อเปิด Application
โดยผู้ใช้งานจะสามารถเห็นฟีเจอร์เหล่านี้ได้ทางหน้าหลัก
หน้าข่าวสาร (Feed)
Center มีบริการ conferrence ที่รวมไปถึงการ Live ด้วย โดยผู้ใช้งานสามารถ Live และรับชม live ในขณะนั้นได้จากหน้าหลัก ดังนี้
ให้ผู้ใช้งานกดปุ่ม ที่หน้า Home เพื่อทำการ Live video จากนั้นแอป พลิเคชันจะแสดง Pop up ยันยืนการ Live video ให้ผู้ใช้งานกด ดังภาพ
หากผู้ใช้งานกดปุ่ม “Cancel” จะเปิดการยกเลิกการ Live Video
หากผู้ใช้งานทำการกดปุ่ม “OK” แอปพลิเคชันจะเริ่มทำการ Live video ดังภาพ
เมื่อผู้ใช้งานกดปุ่ม “End” ในหน้าการ Live video แอปพลิเคชันจะแสดง Pop up ยืนยัน การหยุด Live video ดังภาพ
หากผู้ใช้งานทำการกดปุ่ม “OK” แอปพลิเคชันจะทำการจบการ Lice video และย้อนกลับ มาที่หน้า Home ดังเดิม
หากผู้ใช้งานกดปุ่ม “Cancel” แอปพลิเคชันจะยังคงทำงาน Live video ต่อไป
หากเพื่อนใน Center application ทำการ Live video ในหน้า Home จะแสดงสถานะการ Live ดังภาพที่เมื่อผู้ใช้งานกดที่โปรไฟล์เพื่อนแอปพลิเคชันจะแสดงหน้าจอการ Live ของเพื่อนให้ ผู้ใช้งานได้รับชม
หากผู้ใช้งานต้องการหยุดการดู Live สามารถทำได้โดยการกดที่ปุ่ม “<” เพื่อย้อนกลับมาที่หน้า Home
การ Check in location
การเช็คอิน คือการระบุตำแหน่งของผู้ใช้แอปพลิเคชัน Center เมื่อเช็คอินแล้ว ระบบจะแจ้งเตือนไปยังกลุ่มต่างๆที่ผู้ใช้งานอยู่ในกลุ่มนั้น และตั้งค่าเอาไว้ให้แจ้งเตือน ผู้ใช้งานสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ส่วนของ Groupv โดยฟีเจอร์การเช็คอินบนแอปมือถือนั้นจะอยู่ในหน้าหลักของแอป
ขั้นตอนการ Check in location มีดังนี้
ให้ผู้ใช้งานกดปุ่ม เพื่อเข้าสู่หน้า Check in ดังภาพที่ 2 ซึ่งในหน้านั้นจะแสดงรายชื่อสถานที่ที่ใกล้เคียงให้ผู้ใช้งานเลือก
จากภาพที่ 2 ผู้ใช้งานสามารถเลือก Location ที่ต้องการได้
หลังจากที่ผู้ใช้งานได้ทำการยืนยัน Location ในการ Check in แล้ว แอปพลิเคชันจะกลับมา ยังหน้า Home พร้อมกับแสดงชื่อ Location ที่ผู้ใช้งานทำการเลือกไว้ด้านบนข้างรูป Profile ดังภาพที่ 3 ภาพที่ 3 การแสดงชื่อ Location ที่ Check in ในหน้า Home
ใน Center application จะสามารถส่งแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานรับเมื่อมีกิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้นเช่น การเชิญเข้า ร่วมประชุม การ Assign งาน หรือแจ้งเตือนจากข้อความแชท ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดูแจ้งเตือนเหล่านั้นย้อนหลัง ได้จากหน้าจอ Action center
ให้ผู้ใช้งานกดที่ปุ่ม ในหน้า Home เพื่อเข้าสู่หน้า Action center
ในกรณีที่ผู้ใช้งานต้องลบแจ้งเตือนแบบรายการเดียว สามารถทำได้ด้วยการ กดที่ปุ่ม “X” มุมขวาบนของการ์ดแจ้งเตือนที่ต้องการ
เมื่อกดปุ่ม “X” และแอปพลิเคชันจะแสดง Pop up ยืนยันการลบแจ้งเตือนให้ผู้ใช้งานเลือก ซึ่งหากผู้ใช้งานเลือกกดปุ่ม “OK” แจ้งเตือนดังกล่าวจะถูกลบและหายไปจากหน้า Action center
หากผู้ใช้งานกดปุ่ม “Cancel” จะเป็นการยกเลิกลบแจ้งเตือนนั้น
ทำการเลือก Location แล้ว ให้กดที่ปุ่ม ในหน้านั้น เพื่อยืนยันการ Check in อีกครั้ง 1ภาพที่ 2 หน้า Check in
ในกรณีที่ผู้ใช้งานต้องลบแจ้งเตือนทั้ง สามารถทำได้ด้วยการกดเลือกทั้งหมดและกดที่ปุ่ม เพื่อทำการลบทั้งหมด
ใน Center application จะมีบริการ Feature post ให้ผู้ใช้งานได้ใช้ ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถสร้าง Post ที่มีรูปและวิดีโอได้ สามารถแก้ไข Post ดังกล่าว ตลอดจนการลบ Post เป็นต้น โดยรายละเอียดการ ใช้งาน Feature นี้ทั้งหมดจะอธิบายไว้ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนการสร้าง Post มีดังนี้
จากภาพที่ 2 เมื่อผู้ใช้งานเข้ามาในหน้า post และต้องการสร้าง Post ใหม่ขึ้น ผู้ใช้งานจะต้องกดที่ข้อความ “Create New Post”
จากภาพที่ 3 เป็นหน้า Create post ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องทำการเขียน Topic โดยผู้ใช้งานสามารถเขียนเป็นข้อความหรือ Link ก็ได้
ส่วน Caption ผู้ใช้งานสามารถเขียนเป็นข้อความหรือ Link ก็ได้
ส่วน Photo ผู้ใช้งานสามารถเลือกเป็นรูปหรือวิดีโอก็ได้
ส่วน Tag friends สามารถเลือก Tag เพื่อนได้
ส่วน Category ผู้ใช้งานสามารถเลือก Category ในหัวข้อที่ต้องการได้
ส่วน Privacy จะมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่
Public: Post จะแสดงในหน้า Trending feeds ปกติ
Only with tag: Post จะแสดงให้เพื่อนที่ถูก Tag เห็นเท่านั้น
Save Draft: Post จะแสดงในหน้า My post ในส่วนของ “Draft”
เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ให้กดที่ปุ่ม “Done” แล้วแอปพลิเคชันจะแสดงหน้าถัดไปเพื่อให้ผู้ใช้งานตรวจสอบก่อนการ Post ดังภาพที่ 4
ขั้นตอนการแก้ไข Post มีดังนี้
เมื่อผู้ใช้งานเข้ามาในหน้า Post และต้องการแก้ไข Post ผู้ใช้งานจะต้องกดที่ไอคอนรูป โปรไฟล์มุมขาวบน ดังภาพที่ 6 เพื่อเข้าสู่หน้า My Post
หลังจากกดไอคอนโปรไฟล์แล้ว แอปพลิเคชันจะแสดงภาพที่ 7 คือ หน้าจอหน้า My Post ของผู้ใช้งาน ซึ่งภายในหน้านี้จะสามารถจัดการกับ Post ได้หลายส่วน หนึ่งในนั้นคือคือการแก้ไข Post โดยอันดับแรกผู้ใช้งานต้องทำการเลือก Post ที่ต้องการก่อน
จากภาพที่ 9 เป็นหน้า Edit post ซึ่งผู้ใช้งานสามารถแก้ไข Topic โดยผู้ใช้งานสามารถเขียนเป็นข้อความหรือ Link ก็ได้
ส่วน Caption ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขเป็นข้อความหรือ Link ก็ได้
ส่วน Photo ผู้ใช้งานสามารถเลือกเป็นรูปหรือวิดีโอก็ได้
ส่วน Tag friends สามารถเลือก Tag เพื่อนได้
ส่วน Category ผู้ใช้งานสามารถเลือก Category ในหัวข้อที่ต้องการได้
ส่วน Privacy จะมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่
Public: Post จะแสดงในหน้า Trending feeds ปกติ
Only with tag: Post จะแสดงให้เพื่อนที่ถูก Tag เห็นเท่านั้น
Save Draft: Post จะแสดงในหน้า My post ในส่วนของ “Draft”
เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ให้กดที่ปุ่ม “Done” ดังภาพที่ 10 แล้วแอปพลิเคชันจะแสดงหน้าถัดไปเพื่อให้ผู้ใช้งานตรวจสอบก่อนการ Post ดังภาพที่ 11
ขั้นตอนการลบ Post มีดังนี้
หากผู้ใช้งานกดปุ่ม “Cancel” จะเป็นการยกเลิกลบ Post นั้น
ขั้นตอนการดู Post ทั้งหมด มีดังนี้
ขั้นตอนการถูกใจ Post มีดังนี้
จากภาพที่ 17 หากผู้ใช้งานต้องการถูกใจ Post สามารถทำได้โดยการกดที่ปุ่ม ที่มุมซ้ายบนของ Post จากนั้นแอปพลิเคชันจะแสดงสถานะการถูกใจ ดังภาพที่ 18
ขั้นตอนการเลือกรูปแบบการแสดง Post มีดังนี้
ขั้นตอนการ Save post มีดังนี้
หากผู้ใช้งานต้องการดู Post ทั้งหมดที่ได้ทำการ Save ไว้ สามารถดูได้ที่หน้า My post ส่วน Save ดังภาพที่ 22
เมื่อต้องการเข้าใช้งาน Feature post ผู้ใช้งานจะทำต้องการกดที่ไอคอน เพื่อเข้าสู่หน้า All post ได้ โดยไอคอนดังกล่าวจะที่แสดงอยู่ในหน้า Feature ทั้งหมด ดังภาพที่ 1
เมื่อผู้ใช้งานกดปุ่ม เพื่อทำการ Post จากนั้นแอปพลิเคชันจะแสดง Post ของผู้ใช้งาน ดังภาพที่ 5
เมื่อเลือก Post ที่ต้องการแล้วแอปพลิเคชันจะแสดงหน้า Post นั้นขึ้นมา ในขั้นตอนถัดไปให้ผู้ใช้งานกดที่ปุ่ม ดังภาพที่ 8 เพื่อเข้าสู่หน้าจอ Edit Post
เมื่อผู้ใช้งานกดปุ่ม เพื่อทำการ Post จากนั้นแอปพลิเคชันจะแสดง Post ของผู้ใช้งาน ดังภาพที่ 12
จาก Post ที่ผู้ใช้งานจะเห็นได้ว่ามีปุ่มให้จัดการ Post หลายปุ่มด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือปุ่มลบ ซึ่งให้การลบ Post ผู้ใช้งานสามารถทำการกดที่ปุ่ม ดังภาพที่ 13
เมื่อกดปุ่ม และแอปพลิเคชันจะแสดง Pop up ยืนยันการลบ Post ให้ผู้ใช้งานเลือก ดังภาพที่ 14 ซึ่งหากผู้ใช้งานเลือกกดปุ่ม “OK” Post จะถูกลบ
จากภาพที่ 15 เมื่อผู้ใช้งานเข้ามาในหน้า Post และต้องการดู Post ทั้งหมดใน Center applicationผู้ใช้งานจะต้องกดที่ไอคอน เพื่อเข้าสู่หน้า All post ดังภาพที่ 16
หากผู้ใช้งานต้องการเลิกถูกใจ Post ดังกล่าว สามารถทำได้โดยการกดที่สัญลักษณ์จากนั้นแอปพลิเคชันจะแสดงสถานะการถูกใจ ดังภาพที่ 17 เหมือนเดิม
จากภาพที่ 19 หากผู้ใช้งานต้องการเลือกรูปแบบการแสดง Post แบบแนวตั้ง สามารถทำได้โดยการกดที่ปุ่ม จากนั้นแอปพลิเคชันจะปรับรูปแบบการแสดง Post เป็นแนวตั้ง ดังภาพที่ 20
หากผู้ใช้งานให้ Post แสดงแบบแนวนอน สามารถทำได้โดยการกดที่ปุ่ม จากนั้น แอปพลิเคชันจะกลับไปแสดง Post แบบแนวนอน ดังภาพที่ 19
จากภาพที่ 21 หากผู้ใช้งานต้องการ Save post สามารถทำได้โดยการกดที่ปุ่ม
ขั้นตอนการ Comment post แบบข้อความ มีดังนี้
ให้ผู้ใช้งานกดที่ช่องเขียนข้อความ “Write a comment…” ดังภาพที่1 จากนั้นจะปรากฏแป้นพิมพ์ขึ้นมาให้ดังภาพที่ 2
จากนั้นให้ทำการเขียนข้อความที่ต้องการ Comment ลงไป
ขั้นตอนการ Comment post แบบ Sticker มีดังนี้
จากนั้นให้ทำการเขียนข้อความที่ต้องการ Comment ลงไป
ขั้นตอนการ Comment post แบบรูปภาพ มีดังนี้
ให้ผู้ใช้งานกดที่ปุ่ม “+” ดังภาพที่ 7 จากนั้นระบบอัลบั้มรูปภาพจากเครื่องโทรศัพท์ของผู้ใช้งาน เพื่อทำการเลือกรูปภาพ
เมื่อผู้ใช้งานเลือกรูปภาพแล้ว ระบบจะแสดงดังภาพที่ 8
ขั้นตอนแก้ไข Comment post แบบข้อความ มีดังนี้
ให้กดค้างที่ Comment ข้อความที่ต้องการจากนั้นระบบจะแสดงปุ่มให้แก้ไข ดังภาพที่ 10
ทำการเขียนข้อความที่ต้องการแก้ไขลงไป
ขั้นตอนแก้ไข Comment post แบบรูปภาพ มีดังนี้
ให้กดค้างที่ Comment รูปภาพที่ต้องการจากนั้นระบบจะแสดงปุ่มให้แก้ไข ดังภาพที่ 12
กรอกข้อความที่ต้องการลงไปในช่องข้อความในรูปภาพ
กดปุ่ม จากนั้นแอปพลิเคชันจะแสดงผลการแก้ไขใน Comment รูปภาพ ดังภาพที่ 14
กดที่ปุ่ม เพื่อทำการส่ง Comment ดังกล่าวไปใน Post จากนั้นจะเห็นว่าข้อความที่ได้ทำการ Comment ไปจะแสดงใต้ Post ดังภาพที่ 3
จากภาพที่ 5 ให้ผู้ใช้งานกดที่ปุ่ม จากนั้นระบบจะปรากฏรูปแบบ Sticker ให้ผู้ใช้งานเลือกดังภาพ
กดที่ปุ่ม เพื่อทำการส่ง Sticker ดังกล่าวไปใน Post จากนั้นจะเห็นว่าข้อความที่ได้ทำการ Comment ไปจะแสดงใต้ Post ดังภาพที่ 6
กดที่ปุ่ม เพื่อทำการส่งรูปภาพดังกล่าวไปใน Post จากนั้นจะเห็นว่าข้อความที่ได้ทำการ Comment ไปจะแสดงใต้ Post ดังภาพที่ 9
ให้กดปุ่ม จากนั้นระบบจะแสดงช่องให้แก้ไขข้อความ ดังภาพที่ 11
ถ้ากดที่ปุ่ม จะเป็นการส่ง Comment ดังกล่าวไปใน Post จากนั้นจะเห็นว่าข้อความที่ได้ทำการแก้ไขจะแสดงใต้ Post ดังภาพที่ 12
ถ้ากดที่ปุ่ม Comment ที่ได้ทำการเขียนขึ้นมาใหม่จะไม่ถูกส่งไปแสดงใต้ Post
ให้กดปุ่ม จากนั้นระบบจะแสดงช่องให้แก้ไขข้อความ ดังภาพที่ 13